ดาบิด เด เคอา เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1990 ที่เมืองมาดริด ประเทศสเปน เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อเป็นอดีตผู้รักษาประตู ในวัยเด็กของเขามีแต่ความเพียบพร้อมเนื่องจากครอบครัวมีฐานะที่ร่ำรวย เขามีทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ และเขามีความฝันเหมือนเด็กทั่วไป นั่นก็คือ การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เด เคอา เดินทางเพื่อตามหาความฝันของเขาตั้งแต่อายุ 10 ปี
เขาเข้ามาอยู่ในทีมเยาวชนของ แอตเลติโก มาดริด ในปี 2003 ในช่วงแรกเขาเล่นในตำแหน่งกองหน้า เนื่องจากรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขา ทำให้เขาสามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี
จนในปี 2006 เด เคอา ก็เปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู เขาได้ทำการฝึกฝนและเรียนรู้การเป็นผู้รักษาประตูอย่างจริงจัง และได้เอาทักษะของนักฟุตบอลตำแหน่งกองหน้าที่เขาเคยเล่นมาใช้ในการอ่านจังหวะการยิงของคู่ต่อสู้ รวมกับความสามารถของเขาที่มีความโดดเด่นทำให้เขาทำหน้าที่ผู้รักษาประตูได้อย่างดีเยี่ยม จนในที่สุด เด เคอา ก็ก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ แอตเลติโก มาดริด ในปี 2008 ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น ซึ่งในปีแรก เด เคอา ลงเล่นเป็นตัวสำรอง
ในปี 2009 เด เคอา สามารถยึดตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งของแอตเลติโก มาดริด ได้สำเร็จ และเขากลายเป็นนักเตะที่มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ยูโรปาลีก ฤดูกาล 2009-2010 ด้วย ถือเป็นการคว้าแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีของแอตเลติโก มาดริด นอกจากนี้ในปีนี้ เด เคอา ยังได้รับเลือกเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ ถึง 2 เกมด้วยกัน
ในฤดูกาล 2010-2011 เด เคอา ยังโชว์ฟอร์มในการป้องกันประตูได้อย่างดีเยี่ยม จนกลายเป็นนักเตะที่ได้รับความสนใจจากทีมดังในยุโรปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ในตอนนั้นต้องประสบกับปัญหาหนัก เมื่อ เอ็ดวิน ฟานเดอร์ซาร์ สุดยอดผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะย้ายออกไป ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมในตอนนั้นต้องมองหาผู้รักษาประตูคนใหม่เข้ามาแทนที่ ซึ่งในตอนนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เดินทางไปดูฟอร์มการเล่นของเขาถึงเมืองมาดริด จากคำแนะนำของ อีริค สตีล โค้ชผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเมื่อได้เห็นฟอร์มการเล่นของ เด เคอา ที่มีสมาธิ ความสุขุม และทักษะของเขา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ตัดสินใจคว้าตัวเขามาร่วมทีมในทันที และมาสู่การยื่นข้อเสนอให้กับทาง แอตเลติโก มาดริด ซึ่งก่อนหน้านี้ เด เคอา ก็เป็นที่สนใจของทีมดังหลายทีมที่ต้องการตัวของเขา แต่ เด เคอา ก็ได้ปฏิเสธไปทั้งหมด
แต่ในปี 2011 เด เคอา ก็ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์ และเป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องออกจากบ้านเกิดของเขา ซึ่งในฤดูกาลแรกกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันก็เป็นงานที่ยากของเขา เนื่องจากเขาก้าวเข้ามาแทนที่ของ เอ็ดวิน ฟานเดอร์ซาร์ ตำนานอันเป็นที่รักของแฟนบอล ทำให้เขามีความกดดัน ตื่นสนาม เนื่องจากในตอนนั้นเขายังเป็นผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่มีอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ เด เคอา ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ทำให้มีความลำบากในการสื่อสาร และยังต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ที่แตกต่างจากบ้านเกิดของเขา ซึ่งปกติของเกมฟุตบอลของอังกฤษ จะเน้นลูกกลางอากาศ และมีรูปแบบการเล่นที่เร็ว และแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ถนัด ทำให้เขาทำผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นที่วิจารณ์ของแฟนบอลและสื่อที่ตีข่าวถึงฟอร์มการเล่นของเขาออกมาอย่างมากมาย
แต่ถึงอย่างนั้น เด เคอา ก็ยังคงตั้งใจฝึกซ้อม และพร้อมที่จะสู้ต่อไป และได้รับการสนับสนุนจาก อีริค สตีล โค้ชผู้รักษาประตูที่คอยช่วยฝึกสอน และออกโรงปกป้องเขาเสมอมา อีริค สตีล ยอมเรียนภาษาสเปนเพื่อใช้สื่อสารกับ เด เคอา และในที่สุด เด เคอา ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาพยายามพัฒนาตัวเอง สร้างจุดเด่น และลบจุดด้อย จนกลายมาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างถาวร เด เคอา กลายมาเป็นผู้รักษาประตูที่มีความว่องไว มีปฏิกิริยาในการอ่านเกมที่รวดเร็วและเฉียบขาด
ในปี 2014 เด เคอา ตกเป็นข่าวว่าจะย้ายทีมไปอยู่กับ เรอัล มาดริด แต่สุดท้ายก็ไม่มีดีลนี้เกิดขึ้น เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการเตรียมเอกสารที่ล่าช้า จนต่อมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาประกาศว่า ได้ต่อสัญญากับ เด เคอา ไปอีก 4 ปี จนถึงปี 2019
และในปัจจุบัน เด เคอา ได้กลายเป็นผู้รักษาประตูระดับโลกคนหนึ่งไปแล้ว และเป็นสมบัติอันล้ำค่าคนสุดท้ายที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ทิ้งเอาไว้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในตอนนี้ เด เคอา ได้ต่อสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปจนถึงปี 2023
สำหรับผลงานในทีมชาติสเปน เขาถูกเรียกให้ติดทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 15 ปี ในปี 2004 ลงเล่นไปทั้งหมด 12 เกม และติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2014